


- นักขับชาวสวิส นิโค มุลเลอร์ (Nico Müller) เข้าร่วมทีมแทน อันโตนิโอ เฟลิกซ์ ดา คอสตา (António Félix da Costa)
- อดีตแชมป์โลก พาสคาล เวร์ไลน์ (Pascal Wehrlein) ยังคงลงแข่งให้กับปอร์เช่
- ทั้งคู่เริ่มทำงานร่วมกันเพื่อพัฒนาสู่รถแข่งฟอร์มูล่า อี เจเนอเรชันถัดไป
สตุ๊ทการ์ท. พาสคาล เวร์ไลน์ และ นิโค มุลเลอร์ จับคู่ลงสนามร่วมกันอย่างเป็นทางการในการแข่งขัน ABB FIA Formula E World Championship โดยนักขับชาวสวิสวัย 33 ปี นิโค มุลเลอร์ ย้ายมาจากทีม Andretti ซึ่งเป็นทีมลูกค้าปอร์เช่ มาร่วมทีมฟอร์มูล่า อีจากทีมโรงงานของปอร์เช่ เพื่อแทนที่ อันโตนิโอ เฟลิกซ์ ดา คอสตา นักขับชาวโปรตุเกสที่มีบทบาทสำคัญในการนำทีมประสบความสำเร็จตลอด 3 ฤดูกาลที่ผ่านมา
โธมัส เลาเดนบาค (Thomas Laudenbach) รองประธานปอร์เช่ มอเตอร์สปอร์ต กล่าวว่า “ผมยินดีที่ปอร์เช่ยังคงมีหนึ่งในคู่หูนักขับที่แข็งแกร่งที่สุดในรายการนี้ พาสคาลคือกำลังหลักของทีม ส่วนมุลเลอร์ก็มีความคุ้นเคยกับรถแข่งปอร์เช่ 99X Electric จากทีม Andretti ในฤดูกาลก่อน ทำให้พร้อมสำหรับการลงสนามกับทีมโรงงาน เป้าหมายของเรายังคงเหมือนเดิม คือเราจะสู้เพื่อคว้าทั้ง 3 แชมป์ในรอบชิงชนะเลิศ ที่ลอนดอนในปีหน้า”
พาสคาล เวร์ไลน์ แชมป์โลกประเภทนักขับฤดูกาล 2023/2024 ร่วมทีมกับปอร์เช่ ฟอร์มูล่า อี ตั้งแต่เดือนสิงหาคม ปี 2020 ขณะที่ นิโค มุลเลอร์ เข้าร่วมเป็นนักขับทีมโรงงานในเดือนสิงหาคม ปี 2024 และแข่งขันตลอดฤดูกาลที่ผ่านมาในฐานะนักขับหลักของทีม Andretti ด้วยรถปอร์เช่ 99X Electric ทั้งคู่เริ่มทำงานร่วมกันในซิมูเลเตอร์เพื่อพัฒนารถแข่งรุ่นใหม่ GEN4 ซึ่งจะเปิดตัวในฤดูกาลถัดไป โดยมีกำลังมากกว่า 600 กิโลวัตต์ ซึ่งขณะนี้ทีมงานกำลังเตรียมการทดสอบรอบแรกในช่วงปลายปี ที่ศูนย์พัฒนาของปอร์เช่ ในเมืองไวซัค (Weissach)
พร้อมกันนี้ ปอร์เช่ยังได้เดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีรุ่น GEN4 ควบคู่ไปกับการลงแข่งขันฤดูกาลสุดท้ายของรถแข่งรุ่น GEN3 ที่จะเปิดฤดูกาลวันที่ 6 ธันวาคม ณ เมือง เซาเปาโล ประเทศบราซิล โดยก่อนหน้านั้น ทีมจะเข้าร่วมการทดสอบอย่างเป็นทางการที่ เมืองวาเลนเซีย (Valencia) ประเทศสเปน ระหว่างวันที่ 27–30 พฤศจิกายน
ความคิดเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับไลน์อัพนักขับ
ฟลอเรียน โมดลิงเกอร์ (Florian Modlinger) ผู้อำนวยการโรงงานมอเตอร์สปอร์ต ฟอร์มูล่า อี กล่าวว่า “ยินดีต้อนรับนิโคเข้าสู่ทีม เขาคือผู้สืบทอดตำแหน่งที่เหมาะสมจากอันโตนิโอ เราติดตามผลงานของเขามาอย่างต่อเนื่อง และนั่นคือเหตุผลที่เราแต่งตั้งเขาเป็นนักขับโรงงานเมื่อปีที่แล้ว เราต้องการนักขับที่มีประสบการณ์และสามารถเข้ากับรถได้ทันที นิโคคุ้นเคยกับปอร์เช่ 99X Electric จากทีม Andretti เป็นอย่างดี และยังได้ฝึกฝนกับซิมูเลเตอร์ที่ไวซัคอีกด้วย เรามุ่งมั่นจะคว้าทุกแชมป์ และจำเป็นต้องมีคู่หูนักขับที่สามารถทำคะแนนได้อย่างรวดเร็วและสม่ำเสมอ”
พาสคาล เวร์ไลน์ นักขับจากทีมโรงงานปอร์เช่ กล่าวว่า “ผมดีใจที่ได้นิโคเข้ามาร่วมทีม และเชื่อว่าเขาเหมาะสมกับเราอย่างมาก ความร่วมมือที่ดีคือพื้นฐานของความสำเร็จ แต่มอเตอร์สปอร์ตไม่เคยง่าย เราทั้งคู่ต้องทุ่มเทเต็มที่ และผมมั่นใจว่าเรามีแนวคิดเดียวกัน ซึ่งสำคัญมาก โดยเฉพาะในช่วงเตรียมความพร้อมสำหรับรถแข่งรุ่น GEN4 ควบคู่ไปกับการแข่งขันในฤดูกาล ซึ่งจะต้องใช้ความมุ่งมั่นและการทำงานอย่างหนักจากทุกคนในทีม”
นิโค มุลเลอร์ นักขับจากทีมโรงงานปอร์เช่ กล่าวว่า “ผมรู้สึกภูมิใจอย่างมากกับก้าวครั้งใหม่นี้ และขอบคุณปอร์เช่ มอเตอร์สปอร์ต ที่มอบความไว้วางใจ ในฤดูกาลที่ผ่านมาไม่ง่ายเลย แต่เป็นประสบการณ์ที่มีค่ามาก ซึ่งผลักดันให้ผมอยากตอบแทนความเชื่อมั่นของทีมในสนาม ผมตั้งตารอที่จะได้ร่วมงานกับทุกคนมากขึ้น และมั่นใจว่าผมกับพาสคาลจะเป็นคู่หูที่แข็งแกร่ง เราจะทุ่มเทเต็มที่เพื่อสานต่อความสำเร็จของปอร์เช่”
ข้อมูลเพิ่มเติม
ข้อมูลส่วนตัว พาสคาล เวร์ไลน์
วันเกิด: 18 ตุลาคม 1994
สถานที่เกิด: เมืองซิกมาริงเกน ประเทศเยอรมนี
สัญชาติ: เยอรมัน / มอริเชียส
ที่อยู่: สวิตเซอร์แลนด์
สถานะครอบครัว: โสด มีบุตรหญิง 1 คน
ส่วนสูง / น้ำหนัก: 1.75 เมตร / 63 กิโลกรัม
งานอดิเรก: สโนว์บอร์ด เวคบอร์ด และออกกำลังกาย
เว็บไซต์:www.pascal-wehrlein.de
Instagram: @pascal_wehrlein
X: @PWehrlein
เส้นทางอาชีพของพาสคาล เวร์ไลน์
| 2025 | 24 Hours of Le Mans (Porsche Penske Motorsport) |
| 2020–present | นักขับทีมโรงงาน Porsche |
| 2020–present | Formula E (TAG Heuer Porsche Formula E Team) แชมป์โลกฤดูกาล 2023/2024 |
| 2019–2020 | นักขับทดสอบ Formula 1 (Scuderia Ferrari) |
| 2018–2020 | ฟอร์มูล่า อี (Mahindra Racing) |
| 2018 | DTM (HWA Mercedes) Formula 1 test driver (Mercedes-AMG) |
| 2017 | Formula 1 (Sauber F1 Team) |
| 2016 | Formula 1 (Manor Racing) |
| 2015 | นักขับทดสอบ Formula 1 (Mercedes-AMG) |
| 2014–2015 | DTM (HWA Mercedes) 2015 Champion Formula 1 test driver (Mercedes-AMG) |
| 2013 | DTM (Mücke Motorsport) Formula 3 (Mücke Motorsport) |
| 2012 | Formula 3 (Mücke Motorsport) |
| 2010–2011 | ADAC Formula Masters (Mücke Motorsport) แชมป์ปี 2011 |
| จนถึงปี 2009 | การแข่งขันโกคาร์ท |
นิโค มุลเลอร์ (Nico Müller)
วันเกิด: 25 กุมภาพันธ์ 1992
สถานที่เกิด: เมืองทูน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
สัญชาติ: สวิส
สถานะครอบครัว: สมรส มีบุตรชาย 1 คน และบุตรสาว 1 คน
งานอดิเรก: ปั่นจักรยานเสือภูเขา สกีครอสคันทรี และสควอช
ส่วนสูง / น้ำหนัก: 1.85 เมตร / 74 กิโลกรัม
เว็บไซต์: www.nicomueller.ch
Instagram: @nico.mueller51
X: @nico_mueller
Facebook: @NicoMuellerOfficial
เส้นทางอาชีพของนิโค มุลเลอร์
| 2024–ปัจจุบัน | นักขับทีมโรงงานปอร์เช่ |
| 2024–2025 | Formula E (Andretti Formula E) |
| 2022–2024 | Formula E (Abt Cupra Formula E-Team) |
| 2022–2024 | World Endurance Championship (Vector Sport, Peugeot Sport) |
| 2022–2024 | 24 Hours of Le Mans (Vector Sport, Peugeot Sport) |
| 2019–2021 | Formula E (Dragon Racing) |
| 2017–2018 | World Rallycross Championship (EKS RX) |
| 2017 | World Endurance Championship (G-Drive Racing) |
| 2016–2019 | Blancpain GT Series (WRT) |
| 2015 | Nürburgring 24 Hours ชนะเลิศรายการรวม |
| 2014–2015 | Blancpain Endurance Series (Audi Race Experience, WRT) |
| 2014–2022 | DTM (Audi-Teams Abt and Rosberg) |
| 2012–2013 | Formel Renault 3.5 (International Draco Racing) |
| 2010–2011 | GP3-Serie (Jenzer Motorsport) |
| 2009 | LO Formel Renault 2.0 แชมป์ประจำปี |
| 2008–2009 | Swiss Formula Renault 2.0 (Jenzer Motorsport) |
| 2004–2007 | การแข่งขันโกคาร์ท |
ปอร์เช่ ในการแข่งขันฟอร์มูล่า อี
ในฐานะแชมป์โลกประเภททีมและผู้ผลิต ปอร์เช่เตรียมลงแข่งขันฟอร์มูล่า อี ฤดูกาลที่ 7 ในปี 2025/2026 โดยนอกจากทีมโรงงาน Porsche Formula E แล้ว ทีมลูกค้าจากสหรัฐอเมริกาอย่าง Andretti Formula E ก็จะลงแข่งขันด้วยรถแข่ง Porsche 99X Electric รุ่น GEN3 Evo ที่ให้ประสิทธิภาพสูงสุดของเจเนอเรชันล่าสุด พร้อมกันนี้ยังมีทีมลูกค้าอย่าง Cupra Kiro ที่จะเข้าร่วมการแข่งขันด้วยเทคโนโลยี Porsche 99X Electric GEN3 จากรุ่นก่อนหน้า โดยการเข้าร่วมแข่งขันฟอร์มูล่า อี นี้ทำให้ปอร์เช่ได้รับข้อมูลสำหรับการพัฒนาประสิทธิภาพรถยนต์สปอร์ตในอนาคต
