จากเส้นขอบฟ้าสู่ผืนทราย คาเยนน์ อิเล็กทริคเผยโฉมตัวจริงครั้งแรกที่ดูไบ

จากเส้นขอบฟ้าสู่ผืนทราย คาเยนน์ อิเล็กทริคเผยโฉมตัวจริงครั้งแรกที่ดูไบ

เปิดตัวภายในเทศกาล Icons of Porscheการออกแบบสุดล้ำสมัย ผสานกับความโมเดิร์นของดูไบอย่างลงตัวสมรรถนะออฟโรดเหนือชั้นในการทดสอบบนเนินทรายเทคโนโลยี E-Performance รุ่นใหม่ยกระดับการยึดเกาะบนทุกสภาพเส้นทาง
ท่ามกลางเส้นขอบฟ้าที่งดงามของดูไบ เทศกาล Icons of Porsche ได้กลับมาสร้างสีสันอีกครั้งเป็นปีที่ 5 พร้อมขับเคลื่อนพลังวัฒนธรรมแห่งโลกยานยนต์ การออกแบบ และความหลงใหลในปอร์เช่ ไฮไลต์ของปีนี้คือการเผยโฉม คาเยนน์ อิเล็กทริค (Cayenne Electric) ใหม่ ต่อสาธารณะเป็นครั้งแรกหลังจากเปิดตัวแบบดิจิทัลไม่นานมานี้ ซึ่งมหานครดูไบเป็นเวทีที่สมบูรณ์แบบสำหรับการเปิดตัว SUV ไฟฟ้ารุ่นใหม่นี้ ด้วยการผสานพลังความล้ำสมัยของเมืองเข้ากับความกว้างใหญ่ของทะเลทราย

สตุ๊ทการ์ท/ดูไบ. 

ดูไบเป็นเมืองที่สะท้อนพลังแห่งความเคลื่อนไหวและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอย่างโดดเด่น และมหานครแห่งนี้ ก็เป็นเวทีที่คาเยนน์ อิเล็กทริคปรากฏตัวต่อสาธารณะเป็นครั้งแรก หลังจากได้พิสูจน์สมรรถนะบนเส้นทางทะเลทรายอาหรับสุดท้าทายนอกเขตเมือง ที่อยู่ห่างใจกลางมหานครเพียงหนึ่งชั่วโมง ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ทดสอบที่ท้าทายที่สุดของโลก โดยในการทดสอบ คาเยนน์ อิเล็กทริค แสดงศักยภาพของ E-Performance ได้อย่างชัดเจน ซึ่งได้ยกระดับประสบการณ์ขับขี่แบบออฟโรดไปอีกขั้น โดยเฉพาะในการไต่เนินทราย (Dune Surfing) ซึ่งเป็นโจทย์การทดสอบดั้งเดิมของคาเยนน์ทุกเจเนอเรชัน ไมเคิล แชทซ์เลอ (Michael Schätzle) รองประธานฝ่ายผลิตรถยนต์รุ่นคาเยนน์ กล่าวว่า “คาเยนน์ อิเล็กทริค มอบความรู้สึกคล่องตัวเหมือนรถที่น้ำหนักเบาบนเนินทราย การควบคุมที่ง่ายดายทำให้เราประหลาดใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในสถานการณ์ความเร็วต่ำที่ต้องใช้มุมเลี้ยวมาก รถรุ่นนี้สร้างศักยภาพการควบคุมในระดับที่เราไม่เคยพบมาก่อน”

รถยนต์ SUV ที่ผสาน 2 โลก สมรรถนะสุดแกร่งทั้งในเมืองและทะเลทราย
ในการขับขี่บนท้องถนน คาเยนน์ อิเล็กทริค ให้ความคล่องตัวแบบรถสปอร์ตควบคู่กับความสบายระดับซีดาน และบนเส้นทางออฟโรด รถรุ่นนี้ได้แสดงศักยภาพอันแข็งแกร่งที่อยู่ในจิตวิญญาณของตระกูลคาเยนน์ มาตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2002 ในการทดสอบบนทะเลทรายที่เต็มไปด้วยทรายละเอียด ความชันกว่า 25 องศา และอุณหภูมิทะลุ 40 องศา คาเยนน์ อิเล็กทริคได้แสดงศักยภาพที่เฉียบคมและพละกำลังที่ตอบสนองได้ฉับไว

ปัจจัยสำคัญคือระบบขับเคลื่อนใหม่ โดยในรุ่นคาเยนน์ เทอร์โบ สามารถสร้างพลังได้สูงสุด 850 kW (1,156 แรงม้า) พร้อมแรงบิด 1,500 นิวตันเมตร มอเตอร์ไฟฟ้าตอบสนองด้วยแรงเฉื่อยต่ำ เมื่อทำงานร่วมกับโหมด Sand สำหรับขับขี่แบบออฟโรด และคันเร่งที่ตอบสนองอย่างฉับไวทำให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมได้อย่างแม่นยำ แชทซ์เลอ อธิบายเพิ่มเติมว่า “การตั้งค่านี้จะช่วยให้สร้างอัตราการลื่นไถลที่เหมาะสม เพื่อสร้างการยึดเกาะสูงสุดบนพื้นผิวทรายที่มีความร่วนซุย” รถยนต์ต้นแบบพรางตัวของ คาเยนน์ อิเล็กทริค ผ่านการทดสอบบนทะเลทรายด้วยยางฤดูร้อนมาตรฐานและมีการทดสอบระบบช่วงล่างหลากหลายรูปแบบ ระบบ Adaptive Air Suspension พร้อม PASM ได้แสดงศักยภาพในการขับขี่แบบออฟโรดได้อย่างยอดเยี่ยม ระบบนี้จะเพิ่มความสูงใต้ท้องรถอีก 55 มิลลิเมตร รวมทั้งสิ้น 245 มิลลิเมตรในระดับความสูงสำหรับการขับขี่ออฟโรดโดยเฉพาะ

สำหรับใน คาเยนน์ เทอร์โบ ระบบ Porsche Active Ride ที่สามารถเลือกติดตั้งเพิ่มเติม จะช่วยเพิ่มแรงยึดเกาะให้สูงขึ้นไปอีกขั้น โดยแชทซ์เลอ อธิบายว่า “ระบบนี้สร้างความรู้สึกเหมือนตัวรถลอยเหนือพื้น โดยพื้นผิวที่ไม่สม่ำเสมอจะถูกชดเชยโดยตรงที่ล้อ ทำให้ตัวรถนิ่งขึ้นและน้ำหนักที่ลงล้อเปลี่ยนแปลงน้อยลง” โดยจะทำให้การควบคุมมั่นคงยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเมื่อวิ่งในทรายลึก

เทคโนโลยีเพื่อแรงยึดเกาะสูงสุดและการควบคุมอุณหภูมิที่แม่นยำ
คาเยนน์ อิเล็กทริค ยกระดับขีดความสามารถในการขับขี่ออฟโรดด้วยนวัตกรรมและอุปกรณ์ออกแบบมาเพื่อสร้างสมรรถนะสูงสุดในทุกสภาพพื้นที่ ได้แก่

Porsche Traction Management (ePTM): ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อที่ควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ ทำงานเร็วกว่าแบบเดิม 5 เท่า และรองรับโหมดออฟโรดครบทั้ง Sand, Gravel, Mud และ Rocks

Offroad Package: เพิ่มมุมไต่ขึ้นถึง 25 องศา กันชนด้านหน้าปรับการออกแบบใหม่ สเกิร์ตข้างเสริมความแข็งแรงพร้อมแผ่นกันกระแทกด้านล่าง และครีบรับลมแนวนอนเพื่อเพิ่มการไหลเวียนอากาศ

การระบายความร้อนแบตเตอรี่รูปแบบใหม่: ครั้งแรกที่มีการใช้แผ่นระบายความร้อน 2 ชิ้นต่อหนึ่งโมดูลทำให้ควบคุมอุณหภูมิแบตเตอรี่แรงดันสูง 113 kWh ได้อย่างมีประสิทธิภาพทั้งด้านบนและด้านล่าง

ระบบหล่อลื่นด้วยน้ำมันโดยตรง: เทคโนโลยีจากมอเตอร์สปอร์ต เพื่อรักษาการส่งกำลังอย่างต่อเนื่องและยาวนานให้กับมอเตอร์ไฟฟ้าที่เพลาหลังของคาเยนน์ เทอร์โบ

Adaptive Air Suspension พร้อม PASM: เพิ่มระยะความสูงใต้ท้องรถได้ถึง 245 มิลลิเมตร ในการขับขี่แบบออฟโรดโดยเฉพาะ

Porsche Active Ride (อุปกรณ์เสริมสำหรับคาเยนน์ เทอร์โบ): ระบบช่วงล่างแอคทีฟระดับพรีเมียมที่ลดการเคลื่อนไหวของตัวถังเกือบทั้งหมด เพื่อสร้างสมดุลกับแรงยึดเกาะบนพื้นผิวที่ท้าทาย แม้กระทั่งบนเนินทรายได้อย่างมั่นคง

Porsche Torque Vectoring Plus (PTV Plus): การผสมผสานระหว่างดิฟล็อกควบคุมอิเล็กทรอนิกส์และระบบเบรกเฉพาะจุดที่ล้อหลังของรุ่นเทอร์โบ เพื่อช่วยเพิ่มการยึดเกาะ ความเสถียร และสมรรถนะการเข้าโค้ง โดยเฉพาะบนพื้นผิวที่ต้องการการควบคุมระดับสูง

เกี่ยวกับปอร์เช่ ประเทศไทย
ปอร์เช่ ประเทศไทย ดำเนินการโดยบริษัท เอเอเอส ออโต้ อิมพอร์ต (AAS Auto Import Co., Ltd.) เป็นผู้นำเข้าอย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวของยนตรกรรมสปอร์ต ปอร์เช่ ในประเทศไทย ได้รับการแต่งตั้งจากโรงงานปอร์เช่ ประเทศเยอรมนี ตั้งแต่ปี 2536 แบรนด์ปอร์เช่ เป็นผู้ผลิตรถยนต์สปอร์ตหรูชั้นนำจากเมือง สตุ๊ทการ์ท ประเทศเยอรมนี ซึ่งมีชื่อเสียงจากรุ่นในตำนานอย่าง 911, 718, Cayenne, Macan, Panamera และ Taycan ยนตรกรรมสปอร์ตพลังงานไฟฟ้ารุ่นแรกของแบรนด์ที่เปิดตัวในปี 2562 และในปี 2567 ได้เปิดตัว Macan ยนตรกรรมสปอร์ตเอสยูวีพลังงานไฟฟ้ารุ่นแรกของปอร์เช่

ปัจจุบัน ปอร์เช่ ประเทศไทย มีโชว์รูมและศูนย์บริการเปิดให้บริการ 6 แห่งทั่วประเทศ ได้แก่ Porsche Centre Bangkok (บริหารงานโดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด), Porsche Centre Pattanakarn (บริหารงานโดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด), Porsche Centre Bangna (บริหารงานโดย บริษัท สตุทการ์ต ออโต้โมทีฟ (ประเทศไทย)), Porsche Centre Pattaya (บริหารงานโดย บริษัท ไซม์ ดาร์บี้ ออโต้ สปอร์ตส จำกัด), Porsche Store Bangkok ที่ศูนย์การค้า Emsphere (บริหารงานโดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด), Porsche Studio Siam Paragon ชั้น 2 (บริหารงานโดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด) และ Porsche Now Kanlapaphruek ที่กำลังจะเปิดตัวเป็น Porsche Centre Kanlapaphruek อย่างเป็นทางการเร็ว ๆ นี้ (บริหารงานโดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด)

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *