เทคโนโลยีแบตเตอรี่แรงดันสูงในคาเยนน์ อิเล็กทริค ผสานสมรรถนะและประสิทธิภาพ

เทคโนโลยีแบตเตอรี่แรงดันสูงในคาเยนน์ อิเล็กทริค ผสานสมรรถนะและประสิทธิภาพ

แบตเตอรี่แรงดันสูงขนาด 113 กิโลวัตต์ชั่วโมงที่ผสานเข้ากับโครงสร้างของตัวรถระบบระบายความร้อนสองด้าน ทรงพลังเทียบเท่าตู้เย็นในครัวเรือนประมาณ 100 เครื่องการจัดการพลังงานอัจฉริยะ พร้อมระบบควบคุมอุณหภูมิแบบคาดการณ์ล่วงหน้ารองรับการชาร์จ DC กำลังสูงสุด 400 กิโลวัตต์ ชาร์จจาก 10% ถึง 80% ของความจุแบตเตอรี่ได้ภายใน 16 นาที
ปอร์เช่ เตรียมเปิดตัว คาเยนน์ อิเล็กทริค (Cayenne Electric) เร็ว ๆ นี้ พร้อมเทคโนโลยีระบบไฟฟ้าแรงดันสูงสุดล้ำยุค ด้วยแบตเตอรี่แรงดันสูงที่ผสานฟังก์ชันเข้ากับโครงสร้างตัวรถ ระบบระบายความร้อนคู่ทรงพลัง การจัดการความร้อนอัจฉริยะ และระบบการชาร์จประสิทธิภาพสูง ยกระดับมาตรฐานใหม่แห่ง E-Performance โดยสื่อมวลชนได้ร่วมทดสอบสมรรถนะอันเหนือระดับของคาเยนน์ อิเล็กทริคในการทดสอบระยะทางในสหรัฐอเมริกาครั้งแรก

สตุ๊ทการ์ท. 

ปอร์เช่เตรียมเสริมทัพกลุ่มรถยนต์เอสยูวี ด้วยการเปิดตัว คาเยนน์ อิเล็กทริค รถยนต์พลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบรุ่นใหม่ที่พัฒนาขึ้นบนแพลตฟอร์ม Premium Platform Electric (PPE) ซึ่งออกแบบและพัฒนาโดยปอร์เช่ โครงสร้างระบบไฟฟ้าแรงดันสูง 800 โวลต์ ถือเป็นหัวใจสำคัญที่มอบสมรรถนะการชาร์จที่ทรงพลัง การกระจายพลังงานอัจฉริยะ และประสิทธิภาพการขับขี่ระดับสูงสุด

ระบบขับเคลื่อนรุ่นใหม่ในคาเยนน์ อิเล็กทริค ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานในชีวิตประจำวันและการเดินทางระยะไกล โดยตามมาตรฐานการทดสอบ WLTP สามารถวิ่งได้ระยะทางมากกว่า 600 กิโลเมตร ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และได้พิสูจน์สมรรถนะการเดินทางระยะไกลภายใต้สถานการณ์การใช้งานจริง โดยสื่อมวลชนหลายสำนักในสหรัฐอเมริกาได้ทดสอบรถต้นแบบที่ใกล้เคียงกับรุ่นผลิตจริงที่มีการพรางตัวบางส่วน ผ่านการขับบนทางหลวงระยะทางกว่า 350 ไมล์ (563 กิโลเมตร) ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ที่ความเร็วสูงสุดตามกฎหมายกำหนด 70 ไมล์ต่อชั่วโมง (113 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ผลการทดสอบดังกล่าวสะท้อนถึงการผสานเทคโนโลยีล้ำสมัยเข้ากับระบบจัดการพลังงานอัจฉริยะได้อย่างลงตัว ดร.ไมเคิล ชไตเนอร์ (Dr. Michael Steiner) รองประธานคณะกรรมการบริหาร และกรรมการบริหารฝ่ายวิจัยและพัฒนา ปอร์เช่ เอจี กล่าวว่า “ด้วยคาเยนน์ อิเล็กทริค เรากำลังก้าวสู่มาตรฐานใหม่ของยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้า ระบบไฟฟ้าแรงสูงที่พัฒนาขึ้นใหม่ของเราได้ผสานประสิทธิภาพสูงสุดเข้ากับสมรรถนะการขับขี่อันเป็นเอกลักษณ์ในแบบฉบับปอร์เช่”

แบตเตอรี่แรงดันสูงแบบบูรณาการ ผสานโครงสร้าง ความปลอดภัย และการใช้พื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ
หัวใจสำคัญของคาเยนน์ อิเล็กทริค คือ แบตเตอรี่แรงดันสูงแบบบูรณาการฟังก์ชัน ที่มีความจุพลังงานรวม 113 กิโลวัตต์ชั่วโมง โดยผสานเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างตัวรถ ซึ่งนอกจากจะทำหน้าที่กักเก็บพลังงานแล้ว ยังเป็นองค์ประกอบสำคัญของโครงสร้างรถ โดยการออกแบบนี้ช่วยลดน้ำหนักและเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดวางชิ้นส่วน ซึ่งมีผลให้อัตราส่วนระหว่างเซลล์แบตเตอรี่และโครงสร้างแบตเตอรี่พัฒนาขึ้นถึง 12 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับแบตเตอรี่รุ่นที่ 2 ของไทคานน์ นอกจากนี้ การผสานแบตเตอรี่เข้ากับโครงสร้างหลักของตัวรถยังช่วยเพิ่มความแข็งแรง และลดจุดศูนย์ถ่วงของรถให้ต่ำลง ซึ่งช่วยเสริมทั้งความแม่นยำและสมรรถนะในการควบคุมรถ โดยแบตเตอรี่ได้มีส่วนสำคัญในการสร้างความคล่องตัวและความสมดุลในการขับขี่ของคาเยนน์ อิเล็กทริค โดยปอร์เช่ได้ยกระดับมาตรฐานด้านระบบความปลอดภัยเชิงรับ (Passive Safety) ด้วยการใช้โครงสร้างแบตเตอรี่ที่ผลิตจากอะลูมิเนียมอัลลอยชนิดพิเศษ ซึ่งออกแบบให้ดูดซับแรงกระแทกได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อปกป้องเซลล์แบตเตอรี่ในกรณีเกิดอุบัติเหตุขึ้น

โครงสร้างเคมีของเซลล์และการจัดเก็บพลังงาน พัฒนาประสิทธิภาพในระดับสูงสุด
เพื่อการกักเก็บพลังงานและสมรรถนะการชาร์จสูงสุด ปอร์เช่ ได้พัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่ประกอบด้วย 6 โมดูลแบบถอดเปลี่ยนได้ รวมทั้งหมด 192 เซลล์แบบซองขนาดใหญ่ (Large-format Pouch Cells) โดยภายในแต่ละเซลล์ประกอบด้วยขั้วแอโนดจากกราไฟต์ผสมซิลิคอน และขั้วแคโทดชนิด นิกเกิล-แมงกานีส-โคบอลต์-อะลูมิเนียม (NMCA) พร้อมสัดส่วนนิกเกิลสูงถึง 86 เปอร์เซ็นต์ ช่วยให้ได้ความหนาแน่นพลังงานสูงสุด โดยซิลิคอนในขั้วแอโนดช่วยเพิ่มความสามารถในการชาร์จเร็วได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนอะลูมิเนียมช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้โครงสร้างเซลล์แบตเตอรี่ ซึ่งทำให้สามารถกักเก็บพลังงานเพิ่มขึ้นถึง 7 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับแบตเตอรี่ของไทคานน์รุ่นปัจจุบัน พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพในการชาร์จให้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย

ระบบระบายความร้อนสองด้าน ปัจจัยสำคัญที่ทำให้สมรรถนะคงที่อย่างต่อเนื่อง
หนึ่งในองค์ประกอบหลักของระบบไฟฟ้าแรงดันสูงในคาเยนน์ อิเล็กทริค คือ ระบบระบายความร้อนแบบสองด้าน ที่ควบคุมอุณหภูมิของแบตเตอรี่จากทั้งด้านบนและด้านล่าง เพื่อรักษาอุณหภูมิให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสมที่สุด ไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศ ระดับกำลังชาร์จ หรือรูปแบบการขับขี่แบบใด โดยมีกำลังการระบายความร้อนเทียบเท่าตู้เย็นขนาดใหญ่ในครัวเรือนประมาณ 100 เครื่อง และเป็นครั้งแรกที่มีการติดตั้งพัดลมแรงดันสูงแบบประหยัดพลังงาน ซึ่งใช้พลังงานน้อยกว่าพัดลมดูดอากาศทั่วไปถึง 15 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ความสามารถในการชาร์จคงที่ สมรรถนะสูงต่อเนื่อง และการสูญเสียพลังงานในระดับต่ำสุด ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยยกระดับประสิทธิภาพโดยรวมของคาเยนน์ อิเล็กทริค

ระบบจัดการอุณหภูมิแบบคาดการณ์ล่วงหน้า เทคโนโลยีอัจฉริยะที่คิดล่วงหน้าอย่างแม่นยำ
ระบบจัดการอุณหภูมิแบบคาดการณ์ล่วงหน้า (Predictive Thermal Management) รุ่นใหม่ เป็นองค์ประกอบสำคัญของโครงสร้างระบบไฟฟ้าในคาเยนน์ อิเล็กทริค โดยเชื่อมวงจรระบบทำความเย็นและทำความร้อนทั้งหมดของรถเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อวิเคราะห์อุณหภูมิ เส้นทาง และข้อมูลการขับขี่แบบเรียลไทม์ พร้อมควบคุมการไหลของพลังงานแบบเชิงรุกอย่างแม่นยำ โดยระหว่างการขับขี่ ซอฟต์แวร์อัจฉริยะจะประมวลผลความต้องการทำความร้อนหรือความเย็นแบบเรียลไทม์ โดยอ้างอิงข้อมูลจากระบบนำทาง ภูมิประเทศ สภาพการจราจร และพฤติกรรมการขับขี่ โดยมีเป้าหมายคือการรักษาอุณหภูมิของแบตเตอรี่ให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสมที่สุดตลอดเวลา เพื่อให้ได้ความเร็วในการชาร์จสูงสุด ยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ และคงระยะทางขับขี่ที่สม่ำเสมอ โดยสำหรับผู้ขับขี่ นวัตกรรมนี้ช่วยให้ชาร์จได้เร็วขึ้น ใช้พลังงานน้อยลง และคำนวณระยะทางได้อย่างแม่นยำ ระบบยังทำงานร่วมกับ Charging Planner รุ่นใหม่ ที่ได้รับการพัฒนาให้เรียนรู้พฤติกรรมการชาร์จของผู้ใช้รายบุคคล และปรับสภาพแบตเตอรี่ล่วงหน้าในระหว่างการเดินทาง เพื่อความพร้อมสูงสุดสำหรับการชาร์จครั้งต่อไป

ดร. ไมเคิล ชไตเนอร์ รองประธานคณะกรรมการบริหาร และกรรมการบริหารฝ่ายวิจัยและพัฒนา ปอร์เช่
เอจี กล่าวว่า “แบตเตอรี่แบบบูรณาการฟังก์ชัน ระบบระบายความร้อนสองด้าน และระบบจัดการอุณหภูมิแบบคาดการณ์ได้ สะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างรอบด้านของปอร์เช่ เป้าหมายของเราคือการมอบประสบการณ์การขับเคลื่อนไฟฟ้าที่เป็นไปตามมาตรฐานของปอร์เช่ ซึ่งทั้งทรงพลัง มีประสิทธิภาพ และเร้าอารมณ์ในขณะเดียวกัน”

สมรรถนะการชาร์จเร็วที่ทรงพลัง ยกระดับความสะดวกในการใช้งานประจำวัน
คาเยนน์ อิเล็กทริค สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับสมรรถนะการชาร์จ โดยรองรับกำลังชาร์จสูงสุดถึง 400 กิโลวัตต์ ที่สถานีชาร์จไฟฟ้าความเร็วสูง สามารถชาร์จจาก 10 ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ได้ภายในเวลาไม่ถึง 16 นาที หรือเพิ่มระยะทางวิ่งได้มากกว่า 300 กิโลเมตรในเวลาเพียง 10 นาที โดยยังสามารถรักษากำลังการชาร์จในระดับสูงได้อย่างต่อเนื่องในช่วงระดับพลังงานแบตเตอรี่ที่กว้างเป็นพิเศษ โดยเฉพาะช่วงประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ของช่วงระดับพลังงานแบตเตอรี่ที่อัตราการชาร์จยังคงอยู่ระหว่าง 350 ถึง 400 กิโลวัตต์ อย่างคงที่ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการเดินทางระยะไกล

ประสิทธิภาพการชาร์จความเร็วสูง สามารถทำงานได้ตั้งแต่อุณหภูมิของแบตเตอรี่เพียง 15 องศาเซลเซียส ซึ่งต่ำกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่างมาก ทำให้คาเยนน์ อิเล็กทริค คงสมรรถนะการชาร์จมีความเสถียรและพร้อมใช้งานจริงได้ในทุกสภาพอากาศ นอกจากนี้ โครงสร้างระบบไฟฟ้า 800 โวลต์ ที่มาพร้อมสวิตช์แรงดันสูงภายในแบตเตอรี่ ยังช่วยให้สามารถชาร์จได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สถานีที่มีกำลังการชาร์จ 400 โวลต์ ด้วยกำลังสูงสุดถึง 200 กิโลวัตต์ โดยไม่จำเป็นต้องใช้บูสเตอร์เพิ่มเติม

ระบบชาร์จไร้สายของปอร์เช่ ชาร์จสะดวก ไร้สายเชื่อมต่อ
ในปี 2026 เป็นต้นไป ปอร์เช่เตรียมเปิดตัว ระบบชาร์จไร้สาย (Porsche Wireless Charging) รุ่นใหม่ เทคโนโลยีการชาร์จไร้สายกำลัง 11 กิโลวัตต์ ที่มาพร้อมแท่นชาร์จบนพื้นแบบ One-box Compact Floor Plate ซึ่งจะใช้งานเป็นครั้งแรกกับคาเยนน์ อิเล็กทริค เทคโนโลยีการชาร์จแบบไร้การสัมผัสนี้ให้ประสิทธิภาพใกล้เคียงกับการชาร์จแบบ AC ผ่านสาย โดยมีประสิทธิภาพสูงถึง 90 เปอร์เซ็นต์ เมื่อจอดรถในตำแหน่งเหนือแผ่นชาร์จ ระบบจะตรวจจับโดยอัตโนมัติและปรับลดระดับความสูงของรถลงเล็กน้อยเพื่อเริ่มการชาร์จ กระบวนการชาร์จแบบเหนี่ยวนำ (Inductive Charging) จะเกิดขึ้นผ่านระยะห่างเพียงไม่กี่เซนติเมตร โดยทำงานอัตโนมัติ ปลอดภัย และทนทานต่อการใช้งานในระยะยาว โดยสามารถควบคุมและตรวจสอบสถานะการชาร์จผ่านแอปพลิเคชัน My Porsche เพื่อกำหนดช่วงเวลาในการชาร์จ หรือตั้งค่าการยืนยันตัวตนของรถยนต์หลายคันได้ในระบบเดียว ด้วยเทคโนโลยีนี้ ปอร์เช่สะท้อนให้เห็นอีกครั้งว่า ประสิทธิภาพและความสะดวกสบายสามารถผสานกันได้อย่างลงตัว แม้ในขั้นตอนของการชาร์จไฟฟ้า

เกี่ยวกับปอร์เช่ ประเทศไทย
ปอร์เช่ ประเทศไทย ดำเนินการโดยบริษัท เอเอเอส ออโต้ อิมพอร์ต (AAS Auto Import Co., Ltd.) เป็นผู้นำเข้าอย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวของยนตรกรรมสปอร์ต ปอร์เช่ ในประเทศไทย ได้รับการแต่งตั้งจากโรงงานปอร์เช่ ประเทศเยอรมนี ตั้งแต่ปี 2536 แบรนด์ปอร์เช่ เป็นผู้ผลิตรถยนต์สปอร์ตหรูชั้นนำจากเมือง สตุ๊ทการ์ท ประเทศเยอรมนี ซึ่งมีชื่อเสียงจากรุ่นในตำนานอย่าง 911,. 718, Cayenne, Macan, Panamera และ Taycan ยนตรกรรมสปอร์ตพลังงานไฟฟ้ารุ่นแรกของแบรนด์ที่เปิดตัวในปี 2562 และในปี 2567 ได้เปิดตัว Macan ยนตรกรรมสปอร์ตเอสยูวีพลังงานไฟฟ้ารุ่นแรกของปอร์เช่

ปัจจุบัน ปอร์เช่ ประเทศไทย มีโชว์รูมและศูนย์บริการเปิดให้บริการ 6 แห่งทั่วประเทศ ได้แก่ Porsche Centre Bangkok (บริหารงานโดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด), Porsche Centre Pattanakarn (บริหารงานโดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด), Porsche Centre Bangna (บริหารงานโดย บริษัท สตุทการ์ต ออโต้โมทีฟ (ประเทศไทย)), Porsche Centre Pattaya (บริหารงานโดย บริษัท ไซม์ ดาร์บี้ ออโต้ สปอร์ตส จำกัด), Porsche Store Bangkok ที่ศูนย์การค้า Emsphere (บริหารงานโดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด), Porsche Studio Siam Paragon ชั้น 2 (บริหารงานโดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด) และ Porsche Now Kanlapaphruek ที่กำลังจะเปิดตัวเป็น Porsche Centre Kanlapaphruek อย่างเป็นทางการเร็ว ๆ นี้ (บริหารงานโดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด)

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *