







จากภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวนในปัจจุบัน ปัญหาการเข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุนของ SMEs ด้วยอัตราการ
ปฏิเสธสินเชื่อ (Rejection Rate) เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากสถาบันการเงิน ล่าสุด บสย. จับมือ “โตโยต้า
ลีสซิ่ง” ค้ําประกันสินเชื่อเช่าซื้อรถกระบะเชิงพาณิชย์ เพื่อช่วย SMEs รายย่อย กลุ่มเกษตรกร และธุรกิจ
ขนส่งขนาดเล็ก ที่อาจมีรายได้ไม่สม่ําเสมอ สามารถเข้าถึงสินเชื่อซื้อรถกระบะได้ง่ายขึ้น “ปลดล็อก” ธุรกิจ
ให้สามารถเดินหน้าต่อได้อย่างยั่งยืน ทั้งช่วยสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ซบเซาให้กลับมาคึกคัก ซึ่งจะ
ส่งผลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในภาพรวม
ความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นผลจากการการปรับแก้ประกาศกระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 4 กันยายน
2568ซึ่งทําให้ บสย. สามารถขยายการค้ําประกันสินเชื่อไปยังผู้ให้บริการสินเชื่อประเภท Non-Bank กลุ่ม
ลีสซิ่ง ที่ไม่ใช่บริษัทลูกของสถาบันการเงิน ซึ่งรวมถึงลีสซิ่งของค่ายรถยนต์(Captive Finance) ช่วยให้
บสย. ขยายขอบเขตการช่วยเหลือ SMEs รายย่อยได้ครอบคลุมยิ่งขึ้น
นายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาด
ย่อม (บสย.) กล่าวว่า บสย. ผนึกความร่วมมือกับ บริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จํากัด ค้ําประกัน
สินเชื่อเช่าซื้อรถกระบะเชิงพาณิชย์ผ่านมาตรการ “กระบะพี่ มีคลังค้ํา” สําหรับ SMEs ที่ยื่นขอสินเชื่อเช่า
ซื้อกับ “โตโยต้า ลีสซิ่ง” โดยใช้ บสย. ค้ําประกันสินเชื่อ พร้อมสิทธิประโยชน์ ฟรี! ค่าธรรมเนียมค้ําประกัน
3 ปีแรก ส่วนปีที่ 4-7 คิดค่าธรรมเนียมค้ําประกันต่ําเพียง 1.5% ต่อปี ของภาระหนี้ค้ําประกันในแต่ละปี
พร้อมค้ําประกันสูงสุด 7 ปีหรือ 84 งวด วงเงินค้ําประกันสูงสุด 1.5 ล้านบาทต่อราย ตั้งเป้ามาตรการนี้จะ
ช่วย “ปลดล็อก” SMEs ให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น ทั้งช่วยสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ซบเซาให้
กลับมาคึกคัก ซึ่งจะส่งผลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในภาพรวม
มาตรการ “กระบะพี่ มีคลังค้ํา” เป็นหนึ่งในมาตรการสําคัญของรัฐบาล เพื่อช่วย SMEs สามารถเข้าถึง
สินเชื่อได้ง่ายขึ้น ผ่านกลไกการค้ําประกันสินเชื่อของ บสย. เพื่อสร้างความมั่นใจให้สถาบันการเงินในการ
ปล่อยสินเชื่อ เพิ่มโอกาสที่จะได้รับการอนุมัติสินเชื่อ (Approval Rate) ให้กับ SMEs ที่มีความจําเป็นต้องใช้รถ
กระบะเป็นเครื่องมือประกอบอาชีพ เช่น เกษตรกร รับเหมาก่อสร้าง ขนส่งสินค้า ค้าขาย ฟู้ดทรัค เป็นต้น
นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จํากัด
กล่าวว่า SMEs และกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อย มีความสําคัญต่อยอดขายรถยนต์โตโยต้าเป็นอย่างมาก ซึ่ง
ปีนี้ต้องยอมรับว่าตลาดรถค่อนข้างท้าทายมาก แต่ปัจจุบันสถานการณ์ของตลาดกําลังฟื้นตัวอย่างค่อยเป็น
ค่อยไป เนื่องจากอุตสาหกรรมยานยนต์มีห่วงโซ่การผลิตที่ยาวและพึ่งพาซัพพลายเออร์ในประเทศ
ค่อนข้างมาก โดยเฉพาะบริษัทฯ ที่ใช้ Local Content (การใช้ชิ้นส่วนในประเทศ) ในสัดส่วนสูง ยกตัวอย่าง
“โตโยต้า ไฮลักซ์” ซึ่งมีการใช้ชิ้นส่วนในประเทศสุงสุดถึง 95% ดังนั้น เมื่อยอดขายลดลง จึงส่งผลกระทบ
เป็นลูกโซ่ต่อผู้ผลิตชิ้นส่วนต่างๆ และสะท้อนกลับมายังเศรษฐกิจประเทศโดยรวม เนื่องจากภาคยานยนต์
ถือเป็นหนึ่งในเสาหลักของเศรษฐกิจไทย
สําหรับตลาดรถกระบะเพื่อการบรรทุก (Pure Pick up) หรือ “รถกระบะตอนเดียว” ปริมาณการขาย
สะสมเดือนมกราคม – กันยายน อยู่ที่ 107,150 คัน ลดลง 15.3% สาเหตุหลักส่วนหนึ่งมาจากอัตราการ
ปฏิเสธสินเชื่อยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งสร้างความกดดันด้านความเชื่อมั่นและกําลังซื้อของผู้บริโภค ส่งผลให้
ยอดขายโดยรวมชะลอตัวลง อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าจากความร่วมมือในครั้งนี้ซึ่งทําให้ลูกค้าสามารถเข้าถึง
สินเชื่อได้มากขึ้นผ่านการค้ําประกันสินเชื่อของ บสย. จะเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมยอดขาย และช่วย
รักษาความต่อเนื่องของอุตสาหกรรมได้ซึ่งจะส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจไทยในภาพรวมอย่างแท้จริง
“ต้องขอบคุณที่ บสย. เปิดโอกาสให้ Captive Financeของโตโยต้าได้เข้าร่วมโครงการ เนื่องจาก
บริษัทฯ มีการใช้ Captive Finance มากกว่า 60–70%” นายศุภกร กล่าว
นางสาวชื่นกมล ทัพพะรังสีกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า
การมี บสย. เข้ามาค้ําประกันสินเชื่อ นับเป็นกลไกสําคัญที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการอนุมัติสินเชื่อให้กลุ่มลูกค้า
ที่อาจมีคุณสมบัติไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ มาตรฐานของบริษัท สนับสนุนและเปิดโอกาสให้แก่
ผู้ประกอบการรายย่อยได้เป็นเจ้าของรถกระบะเพื่อใช้ในการดําเนินธุรกิจได้อย่างแท้จริง โดยคาดว่าจากการ
มี บสย. เข้ามาค้ําประกัน จะช่วยขยายฐานลูกค้าใหม่ให้กับโตโยต้า ลีสซิ่ง ควบคู่ไปกับการผลักดันยอดการ
ปล่อยสินเชื่อในกลุ่มลูกค้าที่ต้องการรถกระบะเพื่อการพาณิชย์ให้เติบโตขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการขยาย
โอกาสทางธุรกิจ และเสริมสร้างความแข็งแกร่ง ให้แก่ตลาดรถยนต์โดยรวม
นายศรัณย์ทองธรรมชาติประธานกรรมการสมาคมธุรกิจเช่าซื้อไทย กล่าวว่า การปลดล็อกให้
Non-Bank กลุ่มลีสซิ่ง สามารถเข้าร่วมโครงการกับ บสย. ถือเป็นมิติใหม่ในวงการธุรกิจเช่าซื้อไทย เนื่องจาก
ปัจจุบันสัดส่วนการปล่อยสินเชื่อรถกระบะมาจากสถาบันการเงิน 50% และกลุ่ม Non-Bank 50% ซึ่งส่วน
ใหญ่จะมาจาก Captive Financeจากความร่วมมือในครั้งนี้ ยังเป็นการยกระดับอุตสาหกรรมธุรกิจเช่าซื้อ
นําสู่การขยายความร่วมมือระหว่าง Non-bank กับ บสย. ไปสู่โครงการอื่นๆ ในอนาคต ซึ่งจะช่วยสนับสนุน
การเข้าถึงสินเชื่อของ SMEs ได้ง่ายยิ่งขึ้น พร้อมผลักดันยอดขายรถยนต์ที่ซบเซาจากภาวะเศรษฐกิจให้
กลับมาพลิกฟื้นได้
สําหรับ SMEs ที่ต้องการซื้อรถกระบะเพื่อประกอบอาชีพ สามารถติดต่อที่โชว์รูมรถยนต์โตโยต้า
ใกล้บ้าน และยื่นขอสินเชื่อกับ “โตโยต้า ลีสซิ่ง” โดยให้ บสย. ค้ําประกัน หรือ ลงทะเบียนเข้าร่วมมาตรการฯ
ได้ที่ LINE OA : @tcgfirst ฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย
