รถรุ่นใหม่สำหรับการแข่งขัน Porsche Mobil 1 Supercup และ Carrera Cup

รถรุ่นใหม่สำหรับการแข่งขัน Porsche Mobil 1 Supercup และ Carrera Cup

หลังจากสร้างตำนานด้วยรถแข่งวันเมคเรซบนพื้นฐาน 911 จำนวนกว่า 5,381 คัน รุ่นใหม่เตรียมขึ้นแท่นสานต่อความสำเร็จเริ่มพัฒนาตั้งแต่เดือนมกราคม 2024 และจะเข้าสู่สายการผลิตในฤดูใบไม้ร่วง 2025ทดสอบสมรรถนะด้วยเชื้อเพลิง eFuel ผสม จากรายการ Porsche Mobil 1 Supercupผลิตที่โรงงานหลัก เมืองซุฟเฟนเฮาเซน เช่นเดิม
ปอร์เช่ 911 Cup รุ่นใหม่ใกล้เผยโฉมสู่สายตาโลกในเร็วๆ นี้ รถแข่งวันเมคเรซที่ได้รับการปรับแต่งอย่างรอบด้าน คันนี้พัฒนาบนพื้นฐานของ 911 เจเนอเรชัน 992.2 และอยู่ในช่วงโค้งสุดท้ายของกระบวนการพัฒนา พร้อมลงสนามในรายการ ปอร์เช่ โมบิล 1 ซูเปอร์คัพ (Porsche Mobil 1 Supercup) และ คาร์เรร่า คัพ (Carrera Cup) บางประเทศ ตั้งแต่ต้นฤดูกาล 2026

สตุ๊ทการ์ท. 

นับตั้งแต่ 1990 ปอร์เช่ 911 คือหัวใจสำคัญของการแข่งขันรถแข่งวันเมคเรซ โดยเริ่มต้นจาก ปอร์เช่ คาร์เรร่า คัพ (Porsche Carrera Cup) เยอรมนี ก่อนจะต่อยอดในอีก 3 ปีต่อมา สู่รายการ ปอร์เช่ ซูเปอร์คัพ (Porsche Supercup) บนเวที ฟอร์มูล่า วัน กรังด์ปรีซ์ (Formula 1 Grand Prix) ที่คัดสรร จนกลายเป็นความสำเร็จที่ขยายสู่ทุกมุมโลก ปัจจุบันการแข่งขัน คาร์เรร่า คัพ (Carrera Cup) จัดแข่งขันในกว่า 12 ประเทศ ครอบคลุมตั้งแต่ญี่ปุ่นและเอเชีย ออสเตรเลียและตะวันออกกลาง ไปจนถึงอเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ และยุโรป นอกเหนือจากนี้ ยังมีการแข่งขัน สปรินท์ (Sprint) และ เอนดูแรนซ์ ชาเลนจ์ (Endurance Challenges) รวมถึง โทรฟี่ส์ (Trophies) ภายใต้การรับรองจากปอร์เช่อีก 23 รายการ ที่ใช้ ปอร์เช่ 911 จีที3 คัพ (Porsche 911 GT3 Cup) ลงชิงชัย ตัวเลขการผลิตสะท้อนความนิยมอย่างชัดเจน ด้วยจำนวนกว่า 5,381 คัน รถแข่งวันเมคเรซบนพื้นฐาน 911 จึงติดอันดับ 1 ในรถแข่งที่มีจำนวนการผลิตมากที่สุดในโลก

เกร็ดน่าสนใจ รถแข่งคัพ ถูกประกอบเคียงข้างกับรถ 911 รุ่นจำหน่ายจริง ที่โรงงานหลักในเมืองสตุ๊ทการ์ท-ซุฟเฟนเฮาเซน โดยรุ่นปัจจุบันที่เปิดตัวในฤดูกาล 2021 เพียงรุ่นเดียว ผลิตไปแล้วถึง 1,130 คัน นอกจากนี้ ปอร์เช่ 911 จีที3 คัพ เจเนอเรชัน 992.1 ใช้เวลาไม่ถึง 8 ชั่วโมงในการประกอบ 1 คัน

ทดสอบสมรรถนะ 911 Cup ใหม่ บน 3 สนามแข่งระดับความท้าทายสูง
การทำงานพัฒนารถแข่งรุ่นใหม่เริ่มต้นขึ้นที่ ปอร์เช่ มอเตอร์สปอร์ต (Porsche Motorsport) เมืองไวส์ซาค ในเดือนมกราคม 2024 ปอร์เช่ 911 คัพ ใหม่ผสานเทคโนโลยีจากสายการผลิตเข้ากับสมรรถนะระดับมอเตอร์สปอร์ตชั้นนำ ยกระดับให้เป็นรถแข่งพันธุ์แท้อย่างเต็มตัว จุดสำคัญของการพัฒนาครั้งนี้อยู่ที่การปรับปรุงอากาศพลศาสตร์ด้านหน้า เพื่อเสริมการควบคุมรถให้ดียิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับการยกระดับด้านความปลอดภัย ระบบอิเล็กทรอนิกส์ ระบบเบรก การส่งกำลัง เครื่องยนต์บ็อกเซอร์ 6 สูบ และสมรรถนะการขับขี่โดยรวม โดยมีมิชลินเป็นพันธมิตรด้านยางเช่นเคย

ยาน เฟลด์มันน์ (Jan Feldmann) ผู้จัดการโครงการรถแข่ง GT แห่ง Porsche Motorsport กล่าวว่า “911 จีที3 คัพ (911 GT3 Cup) รุ่นปัจจุบันมีสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว ทำให้เราสามารถนำข้อเสนอแนะจากการแข่งขันวันเมคคัพทั่วโลกมาพัฒนาต่อยอด สร้างรถแข่งรุ่นใหม่ที่ได้รับการปรับปรุงในหลายด้านให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม”

สำหรับการพัฒนา ปอร์เช่ 911 คัพ ใหม่ ซึ่งรวมถึงการทดสอบบนไดนาโมมิเตอร์ ทางปอร์เช่ มอเตอร์สปอร์ต เลือกใช้เชื้อเพลิง eFuel ผสม แบบเดียวกับที่ใช้ในรายการ Porsche Mobil 1 Supercup (PMSC) มาตั้งแต่ต้นปีนี้ การทดสอบภาคสนามจัดขึ้นใน 3 สถานที่สำคัญ คือ สนามอิตาเลียนกรังด์ปรีซ์ มอนซา ที่ประเทศอิตาลี สนามเลาซิทซ์ริง ในรัฐบรันเดนบูร์ก ประเทศเยอรมนี และสนามทดสอบภายในของศูนย์พัฒนาไวส์ซาค นักขับระดับแถวหน้าถูกเชิญมาร่วมทดสอบและสลับกันขึ้นขับต้นแบบคันนี้ ไม่ว่าจะเป็น บาสเตียน บุส (Bastian Buus) แชมป์ Porsche Mobil 1 Supercup 2023 จากเดนมาร์ก และเคลาส์ บัคเลอร์ (Klaus Bachler) นักขับชาวออสเตรียเจ้าของตำแหน่งแชมป์ FIA Endurance Trophy รุ่น LMGT3 ปี 2024 รวมถึง ลอริน ไฮน์ริช (Laurin Heinrich) แชมป์ IMSA 2024 รุ่น GTD Pro และมาร์โก ซีฟรีด (Marco Seefried) นักแข่งผู้มากประสบการณ์

โปรแกรมทดสอบด้วยเชื้อเพลิง eFuel ผสม จากรายการ Supercup
เชื้อเพลิง eFuel ผสม ที่ใช้ในรายการ Porsche Mobil 1 Supercup (PMSC) ปี 2025 ได้รับการพัฒนาให้เป็นไปตามข้อกำหนดใหม่ของ Fédération Internationale de l’Automobile (FIA) ภาคผนวก J สำหรับเชื้อเพลิงหมุนเวียนประเภท “Advanced Sustainable” โดยเมื่อรวมมาตรการลดการปล่อย CO₂ ทั้งหมด* จะช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (CO₂ เทียบเท่า) ได้ถึง 66% เมื่อเปรียบเทียบกับเชื้อเพลิงฟอสซิลทั่วไป เชื้อเพลิงแข่งสมรรถนะสูงนี้มีส่วนประกอบจากแหล่งหมุนเวียนถึง 79.7% ต่อปริมาตร โดยส่วนประกอบหลักคือ น้ำมันเบนซินสังเคราะห์ หรือ MtG (methanol-to-gasoline) ผลิตจากวัตถุดิบหมุนเวียน ร่วมด้วยเอทานอลหมุนเวียนที่ผลิตจากของเสียหรือวัสดุเหลือใช้ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการเพิ่มปริมาณออกซิเจนและค่าออกเทนของเชื้อเพลิง โดยมีค่าออกเทนสูงถึง 100.5 RON เชื้อเพลิงนี้ถูกออกแบบมาให้เหมาะสมกับเครื่องยนต์บ็อกเซอร์สำหรับการแข่งขันโดยเฉพาะ ให้สมรรถนะสูงสุดพร้อมกับใช้สัดส่วนเชื้อเพลิงหมุนเวียนมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

* เชื้อเพลิงดิบนี้ผลิตโดย HIF ที่โรงงานนำร่อง Haru Oni ประเทศชิลี ซึ่งใช้พลังงานลมหมุนเวียน 100% ในกระบวนการผลิต และชดเชยการปล่อย CO₂ จากการขนส่งด้วยคาร์บอนเครดิตจากโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในอเมริกาใต้ HIF ตั้งเป้าที่จะใช้ CO₂ จากเทคโนโลยีดักจับคาร์บอนจากอากาศโดยตรง (Direct Air Capturing – DAC) ในอนาคต และกำลังพัฒนาระบบนี้ร่วมกับพันธมิตร นอกจากนี้ HIF ยังติดตั้งระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่แบบไดนามิกเพื่อใช้เป็นแหล่งสำรองพลังงาน ลดความจำเป็นในการพึ่งพาโครงข่ายไฟฟ้า ทั้งหมดนี้มีเป้าหมายเพื่อลดการปล่อย CO₂ ในทุกขั้นตอนของกระบวนการผลิตและขนส่ง และต่อยอดองค์ความรู้จากโรงงานนำร่องไปสู่การผลิตเชิงพาณิชย์ในอนาคต

ข้อมูล ข่าวสาร ภาพถ่าย และวิดีโอเพิ่มเติม สามารถติดตามได้ที่ Porsche Newsroom: newsroom.porsche.com
@PorscheRaces, WhatsAppPorsche Motorsport และ Instagram @porsche.motorsport

เกี่ยวกับปอร์เช่ ประเทศไทย
ปอร์เช่ ประเทศไทย ดำเนินการโดยบริษัท เอเอเอส ออโต้ อิมพอร์ต (AAS Auto Import Co., Ltd.) เป็นผู้นำเข้าอย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวของยนตรกรรมสปอร์ต ปอร์เช่ ในประเทศไทย ได้รับการแต่งตั้งจากโรงงานปอร์เช่ ประเทศเยอรมนี ตั้งแต่ปี 2536 แบรนด์ปอร์เช่ เป็นผู้ผลิตรถยนต์สปอร์ตหรูชั้นนำจากเมือง สตุ๊ทการ์ท ประเทศเยอรมนี ซึ่งมีชื่อเสียงจากรุ่นในตำนานอย่าง 911, 718, Cayenne, Macan, Panamera และ Taycan ยนตรกรรมสปอร์ตพลังงานไฟฟ้ารุ่นแรกของแบรนด์ที่เปิดตัวในปี 2562 และในปี 2567 ได้เปิดตัว Macan ยนตรกรรมสปอร์ตเอสยูวีพลังงานไฟฟ้ารุ่นแรกของปอร์เช่

ปัจจุบัน ปอร์เช่ ประเทศไทย มีโชว์รูมและศูนย์บริการเปิดให้บริการ 6 แห่งทั่วประเทศ ได้แก่ Porsche Centre Bangkok (บริหารงานโดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด), Porsche Centre Pattanakarn (บริหารงานโดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด), Porsche Centre Bangna (บริหารงานโดย บริษัท สตุทการ์ต ออโต้โมทีฟ (ประเทศไทย)), Porsche Centre Pattaya (บริหารงานโดย บริษัท ไซม์ ดาร์บี้ ออโต้ สปอร์ตส จำกัด), Porsche Studio Bangkok ที่ศูนย์การค้า Emsphere (บริหารงานโดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด), Porsche Studio Siam Paragon ชั้น 2 (บริหารงานโดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด) และในอนาคตอันใกล้นี้ จะมีอีกหนึ่งแห่งเปิดให้บริการเร็วๆ นี้ ได้แก่ และ Porsche Centre Kanlapaphruek (บริหารงานโดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด)

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *